เศร้า! หนุ่มขยัน เขียนเป้าหมายไว้บนกำแพง สุดท้ายพบเป็นศพในห้อง

เศร้า! หนุ่มขยัน เขียนเป้าหมายไว้บนกำแพง สุดท้ายพบเป็นศพในห้อง

สุดสะเทือนใจ หนุ่มขยันทำงานส่งลูกเรียน เขียนเป้าหมายไว้บนกำแพง สุดท้ายพบเป็นศพในห้องพัก เพื่อนผู้ตายเล่าปกติกินเหล้าบ่อย ร.ต.อ.วีระพงษ์ อภัยวงษ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุว่าพบผู้เสียชีวิตในห้องพักย่านตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จึงประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และกู้ชีพ อบต.บางโฉลง ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ

เมื่อถึงจุดเกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต 

เป็นชายวัย 53 ปี ชาวอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ นอนหงายเสียชีวิตตัวแข็งอยู่ที่พื้นห้อง เบื้องต้นไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลจากการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด สภาพห้องปกติ ไม่มีร่องรอยจากการต่อสู้

ตามข้างฝาห้องพบว่ามีการนำรูปถ่ายครอบครัวติดไว้รอบห้อง พร้อมทั้งพบกระดาษที่เขียนด้วยลายมือผู้ตาย กระดาษที่ถูกติดบทกำแพงนั้นมีข้อความวางแผนชีวิต เช่นวางแผนว่าจะมีเงินรายได้เท่านี้ต่อเดือน วางแผนซื้อรถยี่ห้อนี้ หรือ ตั้งความหวังว่าจะได้เลื่อนตำแหน่ง

จากการสอบถาม นางขนิษฐา เพื่อนร่วมงานของผู้ตาย ทำให้ทราบว่า ผู้ตายมีอาชีพเป็นช่างซ่อมเครื่องพิมพ์ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ผ่านมาเป็นคนขยัน และเป็นคนทำงานหนักเพื่อหาเงินส่งลูกเรียน พร้อมเล่าว่าผู้ตายติดเหล้าและป่วยเป็นโรคตับ แต่ไม่ยอมเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล และยังคงดื่มสุราเกือบทุกวัน

ครั้งสุดท้ายที่พบผู้ตายคือช่วง 8 โมง ของวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยผู้ตายบอกหิวข้าว และไม่เจออีกเลยจนถึงตอนเที่ยง ก่อนพบว่าผู้ตายนอนเสียชีวิตแล้ว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะดื่มเหล้าจนเป็นโรคตับ และไม่ยอมเข้ารับการรักษา จนอาการทรุดหนัก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้มอบร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โฆษกกองทัพไทย ยอมรับมี ทหาร เอี่ยวรับผลประโยชน์ แลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหา จีนเทา จริง เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน พล.ท.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารและโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) แถลงจากกรณีที่ กรณีที่มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ร่วมกับตำรวจ 191 และทหารจากศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) เข้าตรวจค้นบ้านพักย่านสาทรที่มีการแอบอ้างว่าเป็นสถานกงสุลใหญ่นาอูรู ประจำประเทศไทย ก่อนที่จะมีรายงานภายหลังว่าแท้จริงแล้วเป็นบ้านพักธรรมดานั้น

พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่มีชาวจีนเข้าออกพลุกพล่าน และพบว่ามีผู้ต้องหาหนีคดีจากผับจินหลิง หรือ จีนเทา รวมอยู่ด้วย ก่อนที่จะมีการปล่อยตัวชาวจีน 11 คน แลกกับเงิน 20 ล้านบาท ตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ทหารที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น เป็นกำลังพลสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภ้ยจริง เบื้องต้น พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว และสั่งการให้หน่วยต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยด่วน และให้รายงานผลการสอบสวนต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดต่อไป

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ บิ๊กโจ๊ก ตั้งโต๊ะแถลงระบุว่า จากการสืบสวนสอบสวนมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เชื่อได้ว่าบุคคลที่เข้าตรวจค้นสถานที่ดังกล่าวรวม 16 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ DSI 5 นาย, ตำรวจ 9 นาย, ทหาร 1 นาย และล่ามชาวจีนอีก 1 คน กระทำผิดจริงตามที่ถูกร้องเรียน

เสื่อม! พระล่วงละเมิดทางเพศเณร ทำซ้ำ 6 เดือน จนรูทวารอักเสบ

ชาวบ้านร้องสื่อหลัง หลวงตาถาวร พระล่วงละเมิดทางเพศเณร ก่อเหตุซ้ำ 6 เดือน จนรูทวารหนักอักเสบ ล่าสุดพระหนีออกไปจากวัดแล้ว เป็นประเด็นฉาววงการผ้าเหลืองอีกครั้ง หลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ว่าทนกับพฤติกรรมของหลวงตาถาวรไม่ไหว โดยหลวงตาถาวรได้ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศเณรอายุ 11 ปี ด้วยการให้เณรขึ้น ในพื้นที่ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ก่อนลงมือล่วงละเมิดทางเพศ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงมิถุนายนจนถึงธันวาคม 2565

หลวงตาถาวร ได้ให้โทรศัพท์เก่าๆ กับสามเณรมาใช้ 2 เครื่อง เพื่อเป็นการปิดปากและย้ำว่า ห้ามนำเรื่องดังกล่าวไปบอกกับใครเด็ดขาด และในขณะล่วงละเมิดยังบอกให้อยู่เฉยๆ ด้วยความกลัวจึงทำให้สามเณรไม่กล้าบอกใคร จนกระทั้งวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา สามเณรเกิดป่วย เพราะการอักเสบของช่องทวารหนัก ทางญาติจึงติดต่อแม่ให้นำตัวสามเณรไปหาหมอที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร

แพทย์ระบุว่าร่องรอยคล้ายการถูกล่วงละเมิดทางเพศ จึงตรวจอย่างละเอียดและซักถาม ทำให้ทราบว่า สามเณร ถูกพระในวัดกระทำการล่วงละเมิดดทางเพศมาถึง 6 ครั้ง จนทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อรุนแรง หลังแพทย์ยืนยันแล้วว่า สามเณรลูกชายป่วยเพราะถูกล่วงละเมิด นางสาวบี (นามสมมติ) ผู้เป็นแม่ จึงพาเข้าแจ้งความพร้อมกับผลการตรวจของแพทย์ ต่อ พ.ต.ท.จุมพล ทฤษฎีสุข สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีกับหลวงตาถาวร ซึ่งเป็นเพื่อนเจ้าอาวาสวัด เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา

ทว่าผ่านมา 16 วัน ไม่มีความคืบหน้าหรือการดำเนินการใดๆ ไม่มีสหวิชาชีพมาพูดคุยกับเณรลูกชาย เกรงว่าจะเรื่องเงียบ เพราะล่าสุดทราบว่า หลวงตาถาวร คนก่อเหตุได้หลบหนีไปพร้อมกับเจ้าอาวาส ออกจากวัดไปแล้ว จึงได้เข้ามาร้องกับสื่อมวลชนเพื่อไม่ให้เรื่องเงียบ

ทั้งนี้ทางผู้สื่อข่าวในท้องที่ได้พูดคุยกับสามเณรที่ย้ายมาอยู่ที่วัดใกล้บ้าน โดยระบุว่าอยู่ในสภาพซึมและอยากสึก พร้อมเล่าว่าอยากออกไปใช้ชีวิตเยี่ยงเด็กทั่วไป

Credit : เว็บสล็อตแท้